ก่อนลงทุนในหุ้น ต้องดูงบการเงินเรื่องอะไรบ้าง

ก่อนลงทุนในหุ้น ต้องดูงบการเงินเรื่องอะไรบ้าง

งบการเงินกับนักลงทุนเน้นคุณค่าย่อมเป็นของคู่กัน เนื่องจากเป็นเกณฑ์ใช้วัดว่าธุรกิจที่อยากลงทุนมีสถานะเป็นอย่างไร และมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวหรือไม่ ซึ่งตัวเลขในงบการเงินก็มีความหมายแตกต่างกันออกไป ซึ่งมือใหม่ที่เข้ามาในวงการนี้ก็ต่างสงสัยไปตามๆ กันว่า เราควรติดตามตัวเลขใดเป็นพิเศษกันแน่เพื่อให้การลงทุนได้กำไร และลดความเสี่ยงในการขาดทุน

กระแสเงินสด

ตัวเลขดังกล่าวปรากฏในงบกระแสเงินสด เป็นตัวเลขที่ใช้วัดว่าธุรกิจที่ดำเนินงาน มีเงินสดเข้ามาในบริษัทหรือไม่ เพราะต่อให้ธุรกิจรายงานกำไรออกมาดี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเงินเข้าบริษัทเสมอไป เนื่องจากต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จนไม่เหลือเงินเข้าบริษัทเลย โดยงบกระแสเงินสดมีองค์ประกอบ 3 ประเภท ดังนี้

กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
ตัวเลขภายในที่มีผลต่อกระแสเงินสดกิจกรรมดำเนินงานหลัก ๆ 3 อย่าง ได้แก่ 1.กำไรจากการดำเนินงาน 2.ค่าเสื่อมราคา และ 3.รายการพิเศษ โดยธุรกิจที่น่าสนใจ ทำธุรกิจแล้วได้จริง มีเงินเข้าบริษัท คือ ตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานควรมากที่สุด และธุรกิจที่รายการพิเศษเยอะในทุกไตรมาส นักลงทุนควรระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะเงินที่ได้มาอาจมาจากการขายสินทรัพย์ออกไป ไม่ใช่เงินจากการทำธุรกิจ ส่วนตัวเลขค่าเสื่อมราคามักพบได้ในธุรกิจที่สินทรัพย์ถาวรขนาดใหญ่มีจำนวนมาก เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือโรงแรม ทำให้เป็นเรื่องปกติที่ธุรกิจกลุ่มนี้ค่าเสื่อมราคาออกมาสูง

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน

เป็นตัวเลขที่แสดงว่าธุรกิจจ่ายเงินออกไปกับเรื่องอะไรบ้าง เช่น เงินสดจ่ายซื้อสินทรัพย์ถาวร เงินลงทุนระยะสั้น หรือเงินลงทุนในบริษัทย่อย ฯลฯ ตัวเลขเงินสดจากกิจกรรมการลงทุนส่วนมากแสดงผลออกมาเป็น “ลบ” ในขณะที่เงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานอาจเป็น “ลบ” หรือ “บวก” ก็ได้ แต่ถ้าต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีเงินเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ควรลงทุนกับธุรกิจที่มีลักษณะนั่นคือ
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน – กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน = ตัวเลขค่าเป็นบวก

กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

ได้แก่ รายการเงินสดรับจากเงินกู้ยืม เงินสดรับล่วงหน้าค่าหุ้น การจ่ายเงินปันผล เงินสดรับจากตราสารหนี้ที่ออก โดยรวมแล้วกระแสเงินสดกลุ่มนี้ คือ เงินที่ได้จากแหล่งภายนอกหลักๆ 2 อย่างคือ การกู้ยืม และผู้ถือหุ้นลงทุนเพิ่ม ทำให้ตัวเลขกระแสเงินสดรายการนี้ออกมาเป็นบวกอยู่แล้ว

อัตรากำไรสุทธิ

เป็นตัวเลขที่ใช้วัดว่าธุรกิจมีความสามารถในการทำกำไรเท่าไหร่ บริษัทที่ดีควรมีอัตรากำไรสุทธิเป็นบวกสม่ำเสมอในทุกปี และมีแนวโน้มกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนแต่ละคนต่างมีตัวเลขอัตรากำไรสุทธิต่างกันออกไปตามสไตล์ เช่น บางคนอาจชอบธุรกิจอัตรากำไรสุทธิน้อย มีความมั่นคงสูง ในขณะที่บางส่วนก็อาจชอบบริษัทกำไรสุทธิหลัก 10% ขึ้นไปต่อปี เพราะคาดหวังการเติบโตของบริษัทไว้มาก ดังนั้นไม่มีข้อกำหนดที่แน่นอนว่าอัตรากำไรสุทธิกี่เปอร์เซ็นต์ จึงจะเป็นธุรกิจที่ดี ขึ้นอยู่กับแนวคิดของนักลงทุนคนนั้น ๆ เป็นหลัก

การจ่ายเงินปันผล

บริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ และทุกปีมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลมากขึ้น ถือว่าเป็นบริษัทที่มีคุณภาพ เพราะหมายถึงบริษัทมีเงินสดเข้ามามากพอมาจนเหลือจ่ายให้กับนักลงทุน ส่วนบริษัทที่งดจ่ายเงินปันผล เนื่องจากกำไรสุทธิติดลบ ควรระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจมีเหตุการณ์บางอย่างจนการดำเนินธุรกิจมีปัญหา เช่น โควิด-19 หรือเก็บเงินจากลูกหนี้การค้าไม่ได้จนขาดทุน เป็นต้น

ทั้งหมดนี้เป็นตัวเลขเบื้องต้นที่ควรรู้เท่านั้น นักลงทุนต้องติดตามทิศทางการดำเนินงานของบริษัทอย่างสม่ำเสมอว่าก้าวหน้าจริงตามที่รายงาน รวมทั้งตรวจสอบธรรมาภิบาลของผู้บริหารก่อนซื้อหุ้นทุกครั้งว่าเคยมีข่าวเสียหายออกมาหรือไม่