พาเที่ยว สวาลบาร์ด หน้าร้อนที่ไม่ร้อน

พาเที่ยว สวาลบาร์ด หน้าร้อนที่ไม่ร้อน

สวาลบาร์ด (Svalbard) เป็นการออกเสียงภาษาอังกฤษ แต่การออกเสียงที่ถูกต้องตามภาษานอร์ดิคคือ สฟาร์บาร์ ซึ่งแปลว่าพื้นที่ชายฝั่งที่หนาวเหน็บ

สวาลบาร์ดเป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์คติคที่มีมนุษย์อาศัยอยู่อย่างถาวร เป็นหมู่เกาะที่อยู่ตรงกลางระหว่างประเทศนอร์เวย์กับขั้วโลกเหนือ โดยห่างจากกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ 2,000 กิโลเมตร และห่างจากขั้วโลกเหนือ 1,050 กิโลเมตร สวาลบาร์ดเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศนอร์เวย์ภายใต้สนธิสัญญาสวาลบาร์ด (Svalbard treaty) ซึ่งมี The Governor of Svalbard ดูแล และมีข้อกำหนดทางกฎหมายต่างจากประเทศนอร์เวย์ การมาท่องเที่ยวหรือมาทำงานที่นี่ไม่ต้องขอวีซ่า แต่เนื่องจากการเดินทางไปกลับสวาลบาร์ดต้องผ่านเข้าออกประเทศนอร์เวย์ จึงจำเป็นต้องขอวีซ่าเชงเก้นแบบ Two หรือ Multi Entries เพื่อเข้าออกประเทศนอร์เวย์รวม  4 ครั้ง ได้แก่ การเข้าประเทศนอร์เวย์และออกจากประเทศนอร์เวย์เพื่อเดินทางไปสวาลบาร์ด และออกจากสวาลบาร์ดเข้านอร์เวย์อีกครั้งก่อนออกจากนอร์เวย์เพื่อกลับประเทศตัวเอง

ในอดีตสวาลบาร์ดเป็นแหล่งล่าปลาวาฬและทำเหมืองถ่านหิน แต่ปัจจุบันสวาลบาร์ดมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก สวาลบาร์ดสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ถ้าอยากขับสโนว์โมบิล นั่งเลื่อนน้ำแข็ง ก็ต้องมาช่วงเดือนมีนาคม – กลางเดือนพฤษภาคมที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย -16 องศาเซลเซียส ถ้าอยากชมความเงียบของทะเล ชมดวงดาว ชมแสงเหนือ หรืออยากเห็นแสงสีฟ้าที่ฉาบไปทั่วเกาะแห่งนี้ ก็ต้องมาช่วงที่เป็นกลางคืนตลอด 24 ชั่วโมงในเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ที่มีอุณภูมิเฉลี่ย -8 องศาเซลเซียส แต่ถ้าอยากมาช่วงที่เป็นกลางวันตลอด 24 ชั่วโมงก็มาได้ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม – เดือนกันยายน ฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 6 องศาเซลเซียส 

สนามบินของสวาลบาร์ดห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร สามารถนั่งแท็กซี่หรือรถบัสที่มีบริการตามเวลาที่เที่ยวบินขึ้นหรือลงได้ ที่นี่มีทริปหลากหลายในเลือกไม่ว่าจะเป็นทริปครึ่งวัน 1 วัน 5 วัน หรือ 7 วัน แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะใช้เวลาอยู่ที่นี่หลายวัน ก็สามารถเดินเที่ยวในตัวเมืองได้ ชมอาคารหลากสีสันซึ่งล้วนเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีเสาเข็มเพราะพื้นใต้ดินยังเป็นของเหลวอยู่ มีโบสถ์ขาดเล็กที่สงบและอบอุ่น มีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติความเป็นมาของหมู่เกาะแห่งนี้ มีที่ทำการไปรษณีย์ มีร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้ามากมาย รวมถึงร้านชำที่ขายสินค้าไทยด้วย เนื่องจากที่สวาลบาร์ดมีประชากรที่เป็นคนไทยมากเป็นอันดับสองของประชากรทั้งหมด

ตัวอย่างทริปครึ่งวันก็มีทริปล่องเรือชมกำแพงน้ำแข็งพร้อมอาหารเย็นบนเรือ ใช้เวลาไปกลับประมาณ 4 ชั่วโมง ล่องเสร็จก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เพราะยังเป็นกลางวันอยู่ ทริปครึ่งวันอีกรายการหนึ่งที่อยากแนะนำคือทริปล่องเรือไปพารามิเดน (Pyramiden) เหมืองถ่านหินเก่าที่มีอาคารที่พักคนงานมากมาย รวมถึงสนามกีฬาในร่ม และโรงภาพยนตร์ด้วย 

สวาลบาร์ด ดินแดนขั้วโลกเหนือ ที่มีประชากรหมีขาวมากกว่าประชากรมนุษย์ การเดินเที่ยวในตัวเมืองสามารถทำได้สบาย แต่หากออกนอกตัวเมือง จำเป็นต้องพกอาวุธปืนเพื่อขู่ให้หมีกลัวและไม่เข้าใกล้เรา ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าเราเห็นหลายคนสะพายมีปืนไรเฟิลติดตัวรวมถึงไกด์นำเที่ยวของเราด้วย