กัญชา กัญชงและกระท่อม ศึกษาให้ดีก่อนลงทุน ใช่พืชเศรษฐกิจจริงหรือ

กัญชา กัญชงและกระท่อม ศึกษาให้ดีก่อนลงทุน ใช่พืชเศรษฐกิจจริงหรือ

คงเป็นที่ทราบกันทั่วหน้าเกี่ยวกับข่าวการปลดล็อก กระท่อม กัญชงและกัญชา ออกพืชที่เป็นยาเสพติดให้โทษ ส่งผลให้ทุกคนต่างจับจ้องและลงทุนเกี่ยวกับพืชดังกล่าว โดยเฉพาะเกษตรกรหรือคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการตลาดและการบริโภค ทำให้หลงเชื่อคำพูดที่สวยหรูและตกเป็นเหยื่อมิใช่น้อย

กระท่อม กัญชง กัญชา เป็นที่ต้องการของตลาดจริงหรือ

สิ่งแรกที่อยากให้เกษตรกรและผู้ที่คิดจะลงทุนเกี่ยวกับพืชทั้ง 3 ชนิดให้ดีเสียก่อนว่า ตลาดของพืชทั้ง 3 ชนิดนี้อยู่ที่ใด? ปริมาณในการใช้หรือการใช้ของคนโดยทั่วไปมากน้อยเพียงใดและสุดท้าย ผลลัพธ์(รายได้จะมากมายมหาศาลจริงหรือไม่) หากไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับตลาดและความต้องการของพืชทั้ง 3 ชนิดนี้ได้ ห้ามลงทุนเป็นอันขาด เพราะนอกจากจะขาดทุนแล้วอาจทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย ดังจะเห็นได้จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีการประโคมข่าวการขายต้นพันธุ์กระท่อมในช่วงที่ปลดล็อกแรก ๆ ที่มีราคาสูงถึงต้นละ 500-700 บาท หรือการขายใบสดเป็นกิโล กิโลละ 700-1000 บาท

หลังจากผ่านไปไม่นาน บรรดาเกษตรกรและนักลงทุนต่างออกมาบ่นเกี่ยวกับ ราคาที่ตกต่ำ ส่งผลให้ใบที่สะสมเริ่มเหี่ยวและเน่าลง เนื่องจากเป็นใบสด เก็บได้ไม่นานและที่สำคัญความนิยมในการบริโภคจำกัดในคนกลุ่มน้อย ไม่เหมือนพริก มะละกอ หรือพืชผักสวนครัวต่าง ๆ ที่บริโภคกันทั่วโลก ส่งผลให้คนที่เข้าไปลงทุนปลูกและรับใบมาขายต่างขาดทุนจำนวนมาก ล่าสุดกัญชงและกัญชา ที่หลายคนหวังว่าจะสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ แต่ไม่เป็นไปตามคาด เพราะประโยชน์ที่แท้จริงกลับกลายเป็นวงการแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น ซึ่งปริมาณในการใช้งานเพื่อรักษาโรคน่าจะเพียงพอต่อความต้องการ ในขณะที่การส่งออกยังไม่มีผู้ผลิตใดกล้าที่จะรับซื้อและแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มาจากกัญชงและกัญชาได้ นอกจากจะปลูกแค่ภายในครัวเรือนเท่านั้น

อันตรายจากการใช้งานที่ผิดประเภทยังมีให้เห็น

กัญชงและกัญชา แม้จะได้รับการปลดล็อกจากพืชที่เป็นสิ่งเสพติด แต่หากผู้ใช้นำไปใช้ในทางที่ผิดและไม่มีความรู้หรือไม่รู้ว่าตนเองแพ้สารบางชนิดในพืชทั้งสอง ก็จะทำให้ได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังจะเห็นได้จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่ออกมาระบุถึงอาการแพ้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จนนำมาซึ่งการออกกฎหมายควบคุมการใช้งานและเรียกร้องให้ร้านอาหารขึ้นป้ายเกี่ยวกับส่วนผสมที่ใส่ในอาหารนั้น ปลอดกัญชงและกัญชา เพื่อความมั่นใจของผู้บริโภคและป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดจากการบริโภคโดยที่ไม่รู้ว่ามีพืชทั้งสองชนิดเป็นส่วนผสมอยู่

สำหรับใครที่คิดจะลงทุนควรพิจารณาถึงความเหมาะสม ตลาดและความต้องการมีจริงหรือไม่ จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อจนนำมาซึ่งการขาดทุน หรือนำพืชทั้ง 3 ชนิดมาประกอบอาหาร หรือเพื่อสันทนาการ ควรพิจารณาถึงอาการแพ้และการรบกวนของคนหมู่มาก เพื่อที่จะไม่เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันในภายหลังได้