ทำงานเต็มเวลาที่บ้านกันดีไหม จะบอกเจ้านายยังไงดี

ทำงานเต็มเวลาที่บ้านกันดีไหม จะบอกเจ้านายยังไงดี

ไหนๆ ก็ทำงานจากที่บ้านมาระยะหนึ่งแล้ว นับตั้งแต่โควิด 19 ระบาดใหญ่จนดิ้นรนออกมาทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับไม่ไหว จนกระทั่งพักหลังความเสี่ยงอันตรายเริ่มซาลงไป ธุรกิจต่างๆ ก็กลับมาทำงานเกือบเป็นปกติแล้ว แต่เกิดติดใจชอบทำงานเต็มเวลาที่บ้านไปแล้ว จะบอกเจ้านายยังไงให้ไฟเขียวยอมให้ทำงานที่บ้านได้

ปัญหาที่ย้อนกลับมาหาคนทำงานออฟฟิศคือสะดวกใจกับการทำงานที่บ้านไปเสียแล้ว แต่กลัวว่าข้อจำกัดหลายเรื่องจะทำให้การขอย้ายจากออฟฟิศมาอยู่บ้านเต็มเวลาไม่ได้รับพิจารณา แม้ปัจจุบันหลายองค์กรเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานใหม่ไปจนถึงผู้บริหารยังคงทำงานจากที่บ้านต่อไป อาจจะไม่ทุกวัน แต่อย่างน้อยก็ 2-3 วันต่อสัปดาห์ การประหยัดเวลาเพิ่มความเป็นอิสระและทำให้มีเวลาทำงานมากขึ้น

วิธีการทำงานจากระยะไกลให้ประโยชน์หลายด้าน ทั้งช่วยลดความเหนื่อยล้า ลดเครียดและแรงกดดันจากการเดินทางไป-กลับบนถนนรถติดทุกวัน รวมถึงโอกาสติดเชื้อไวรัสโควิดที่ยังแฝงตัวอยู่ทุกหนแห่ง นอกจากนี้ยังเพิ่มความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ประมาณ 3%-5% 

เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่บ้านที่เงียบสงบจะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีเพื่อนร่วมงานรบกวนหรือชวนไปสรวลเสเฮฮาตอนเย็น เมื่อได้พักผ่อนมากขึ้น สมองปลอดโปร่งทำงานได้ดีขึ้น สามารถเพิ่มผลผลิตให้กับบริษัทและลดใช้จ่ายอื่นๆ ในสำนักงานได้มากกว่าที่คิด

ทุกวันนี้การทำงานจากที่บ้านสะดวกขึ้นมาก ไม่ได้มีเฉพาะการพูดคุยทางโทรศัพท์และส่งไฟล์ทางอีเมลเท่านั้น แต่ยังใช้การโทรผ่านวิดีโอและแชร์ไฟล์บนคลาวด์ด้วย ช่วยให้ทำงานจากที่บ้านง่ายขึ้น คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีพัฒนาเทคโนโลยีช่วยให้ทำงานสะดวกกว่านี้มาก ท้ายที่สุดแล้ว การทำงานจากระยะไกลมีความยืดหยุ่นและมีประโยชน์มากทั้งต่อหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวด้วย

ถ้าคุณมีงานที่รักทำอยู่แล้ว คิดจะทำงานจากระยะไกลกับนายจ้างปัจจุบัน ลองเสนอแนวคิดเพื่ออนุมัติขอทำงานจากที่บ้าน อาจได้ผลลัพธ์ที่โดนใจก็ได้ เพราะเทรนด์การทำงานที่บ้านไม่เพียงให้ความสะดวกกับตัวพนักงาน ยังเกิดผลประโยชน์ต่อเจ้านายและบริษัทด้วย ทั้งทำงานได้มากขึ้นและประหยัดเงินของบริษัทหลายทาง

หากเจ้านายเหมือนจะไม่เต็มใจหรือไม่แน่ใจจะไฟเขียวให้คุณทำงานจากระยะไกลอย่างถาวร อาจจะเสนอให้ทดลองดูก่อน เริ่มจากสัปดาห์ละ 2-3 วัน สามารถปรับเปลี่ยนวันและเวลาได้ตามความเหมาะสม พอผ่านไปสักเดือนค่อยมาหารือกันอีกรอบว่าโอเคไหม ปรับตัวกันได้ไหม โดยเน้นการทำผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ มีการประสานกับทีมงานหรือเจ้านายอย่างราบรื่น

ในกรณีที่เจ้านายยังลังเล ขอปรับลดเป็นสัปดาห์ละ 1 วันก็ยังดี ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะออฟฟิศส่วนใหญ่อาจไม่เคยมีความคิดเกี่ยวกับการทำงานจากระยะไกล หากถูกปฏิเสธก็ต้องเคารพการตัดสินใจและยอมรับ แต่อย่าเพิ่งยอมแพ้ ลองเสนอแนวคิดนี้ถ้าเกิดมีโอกาสครั้งต่อไปและหวังว่าเจ้านายจะคล้อยตามและเปลี่ยนใจไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก