ทำอย่างไรให้มีความสุขได้แม้ในยามผจญวิกฤติ

ทำอย่างไรให้มีความสุขได้แม้ในยามผจญวิกฤติ

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจซบเซา ร้านค้าเงียบเหงา ผู้คนจมดิ่งอยู่กับความเครียดและเป็นทุกข์ กลัวป่วย กลัวจน ไม่รู้ว่าสถานการณ์ยากลำบากจะสิ้นสุดลงเมื่อไร ทำอย่างไรจึงจะมีความสุขได้ภายในสถานการณ์กดดัน คำตอบคือต้องปรับทัศนคติมองในแง่บวก คิดถึงช่วงเวลาที่เคยลำบากมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้งที่ผ่านมาจะทำให้เราเข้มแข็งและเอาชนะอุปสรรคได้ สิ่งที่ควรทำในขณะนี้มีดังนี้

1.รับฟังข่าวเท่าที่จำเป็น หากทุกวันมีแต่ข่าวร้ายทำให้เครียดและบั่นทอนกำลังใจ แนะนำให้ปิดโทรศัพท์มือถือ เลิกดูทีวี หยุดท่องเน็ตไปก่อน ขณะนี้คนส่วนใหญ่เผชิญกับความเครียดเรื้อรังมานานนับปีแล้ว การใช้ชีวิตในยุคโควิดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกและการแพร่ระบาดที่ฉุดไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติตอนไหน ทำให้ความรู้สึกแย่ลงไปอีก การรับฟังข่าวสารจึงต้องมีข้อจำกัดอย่างเข้มงวด กำหนดช่วงเวลารับฟังข่าวแต่ละวันเท่าที่จำเป็น

2.เรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิดอย่างปลอดภัย ในเมื่อสถานการณ์โควิดยังควบคุมไม่ได้ คาดเดาไม่ได้ว่าเรื่องร้ายจะผ่านไปเมื่อไร ควรโฟกัสที่ความเป็นจริง หยุดมองในแง่ร้ายว่าการระบาดครั้งนี้จะไม่มีวันจบสิ้น เพราะการมองด้านลบจะทำให้รู้สึกเครียดมากขึ้น เรียนรู้การใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างสงบสุข เลือกดูหนัง ฟังเพลง เสียงหัวเราะทำให้มีความสุข อ่านหนังสือดี ๆ ทำความสะอาดบ้านช่วยให้ลืมความกังวลไปโดยไม่รู้ตัว

3.ทำอาหารกินเอง สถานการณ์โรคระบาดยังคงรุนแรงอยู่ แค่ออกไปกินข้าวในร้านอาหารใกล้บ้านก็ยังทำไม่ได้ การทำอาหารกินเองและเรียนรู้สูตรใหม่ ๆ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศช่วยคลายความซ้ำซากจำเจในแต่ละวัน สามารถทำอาหารไปแบ่งปันเพื่อนบ้าน แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคุยกันเพื่อเว้นระยะห่างในช่วงนี้ แต่เราเห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือกันและกันได้ ถือเป็นโอกาสสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านด้วย

4.ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด กินอาหารดี นอนหลับให้เพียงพอ ทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงช่วยต้านเชื้อโรคได้ดี แม้ว่าขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่หลายคนลำบากจริง ๆ แต่อย่าได้กังวลกับอนาคตจนเกิดความเครียด หากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกคนจะจดจำช่วงเวลานี้เป็นบทเรียนและรู้วิธีจัดการกับปัญหาและความเครียดได้ดีขึ้น

5.ออกกำลังกายและนวดคลายกล้ามเนื้อ ความวิตกกังวลและความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อร่างกายทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า กล้ามเนื้อตึงเครียด หายใจไม่เต็มปอด บางครั้งถึงกับคลื่นไส้อาเจียนด้วย ต้องจัดการจับความเครียดด้วยการนวดผ่อนคล้ายและออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการทำงานของปอดและร่างกายกระฉับกระเฉงมากขึ้น ถ้าไม่ชอบเล่นกีฬาและไม่สามารถไปทำกิจกรรมในที่สาธารณะ ลองมองหากิจกรรมที่ชอบและเล่นคนเดียวได้ เช่น โยคะ แอโรบิก ไทเก๊ก หรือเดินเล่นในบริเวณบ้านเพื่อให้หายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกผ่อนคลาย ร่างกายได้เคลื่อนไหว ถือเป็นยาคลายเครียดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ชีวิตมีความหมายและสุขกายสุขใจพร้อมต่อสู้สถานการณ์ร้าย ๆได้อย่างเข้มแข็ง